รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตรวจการเตรียมพร้อมในการแก้ไขปัญหาภัยแล้งจังหวัดชัยภูมิ

เมื่อเวลา 10.00 น.วันที่ 23 ก.พ.56 นายปรีชา  เร่งสมบูรณ์สุข รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พร้อมคณะทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องระดับกรมกับการแก้ปัญหาภัยแล้งและน้ำท่วม ร่วมเดินทางลงพื้นที่จ.ชัยภูมิ เพื่อติดตามความคืบหน้าโครงการก่อสร้างแหล่งเก็บน้ำขนาดใหญ่ในพื้นที่ เพื่อที่รัฐบาลจะใช้เป็นนโยบายกระจายเงินกู้กว่า 3.3 แสนล้านบาทลงพื้นที่ในการนำมาช่วยแก้ปัญหา และให้การช่วยเหลือประชาชนที่ประสบปัญหาภัยแล้ง และเกิดน้ำท่วมรุนแรงซ้ำซากทุกปี 4 อำเภอ ประกอบด้วยอ.หนองบัวแดง,หนองบัวระเหว,จัตุรัส และที่อ.เนินสง่าโดยมีนายพรศักดิ์  เจียรณัย ผู้ว่าราชการจ.ชัยภูมิ นายมานะ  โลหะวณิชย์ นางสาวปาริชาติชาลีเครือ ส.ส.เพื่อไทย จ.ชัยภูมิ และนายมนตรี ชาลีเครือ นายก อบจ.ชัยภูมิ รอให้การต้อนรับ

ซึ่งปัจจุบัน จ.ชัยภูมิเกิดปัญหาราษฎรขาดน้ำอุปโภคบริโภคในพื้นที่จำนวนมาก และต้องการขอความช่วยเหลือ ในเบื้องต้นด้วยการนำเครื่องจักรชุดปฏิบัติการขุดเจาะบ่อน้ำบาดาล จากกรมทรัพยากรน้ำบาดาล มาช่วยขุดเจาะไว้ให้เป็นแหล่งร่วมกันใช้น้ำในชุมชนประจำทุกอำเภอ รวม4 จุด พอได้มีแหล่งน้ำไว้ใช้อุปโภคบริโภคช่วงหน้าแล้งปีนี้ไปได้ก่อนอีกทาง

ก่อนที่จะให้ความสำคัญในการลงพื้นที่เข้มเร่งติดตาม โครงการก่อสร้างเขื่อนลำสะพุง หรือโครงการอ่างเก็บน้ำลำสะพุง ต้นกำเนิดแหล่งน้ำสาขาที่สำคัญอีกแห่งของลำน้ำชี(ซี)  ที่หมู่บ้านสะพุงเหนือ หมู่ 8  ต.หนองแวง  อ.หนองบัวแดง ที่ทางกลุ่ม ส.ส.เพื่อไทย และคนในพื้นที่พยายามผลักดันให้มีการก่อสร้างมาตลอดกว่า 31 ปี มาตั้งแต่ปี 2525 มูลค่าการก่อสร้างสูงกว่า3,000 ล้านบาท แต่ติดเงื่อนไขก่อสร้างไม่ได้เพราะยังไม่มีการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมที่ชัดเจน  และเกิดการต่อต้านจากกลุ่มมวลชนนักอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมจำนวนมาก และอยู่ในพื้นที่ ที่ทางประเทศไทยได้ขอขึ้นทะเบียนเป็นป่าชุ่มน้ำนานาชาติไป แล้ว ซึ่งยังมีการส่วนได้รับผลกระทบเกิดปัญหาทับซ้อนของพื้นที่การก่อสร้างเขื่อน ไปกระทบต่อผืนป่าที่อุดมสมบูรณ์ และสัตว์ป่าจำนวนมากในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว(ทุ่งกะมัง) จะต้องถูกน้ำท่วมจากการสร้างเขื่อนเป็นเนื้อที่สูงกว่า 2,100 ไร่ โครงการดังกล่าวจึงยังหาแนวทางออกสร้างสร้างให้ได้มาตลอดกว่า 30 ปีที่ผ่านมา

ด้านนายปรีชา สมบูรณ์สุข รมว.กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เปิดเผยว่า การเดินทางมาในวันนี้ทางนายกฯ และรัฐบาล ได้มอบหมายให้ลงมาดูปัญหา ในภาคอีสานโดยตรงที่กำลังเกิดปัญหาภัยแล้ง หรือน้ำท่วม ซ้ำซากมานาน ซึ่งเบื้องต้นในส่วนจ.ชัยภูมิ มีพื้นที่ขาดน้ำอุปโภคบริโภคหนัก ใน 4 อำเภอ ก็ได้เร่งนำชุดขุดเจาะบ่อบาดาล จากกรมทรัพยากรน้ำบาดาลลงมาช่วยแล้ว และโดยเฉพาะโครงการที่จะช่วยแก้ปัญหาน้ำแล้ง น้ำท่วม ในระยะยาว ที่จ.ชัยภูมิคือโครงการก่อสร้างอ่างเก็บน้ำลำสะพุง ที่กรมชลประทานคาดว่าจะต้องใช้งบประมาณกว่า 3,000 ล้านบาท เรื่องงบประมาณขณะนี้ไม่มีปัญหา เพราะส่วนนี้จะสามารถอุดหนุนงบประมาณเงินกู้จำนวนมาก 3.3 แสนล้านบาท มาช่วยได้ ที่ในส่วนของภาคอีสานตั้งไว้ทั้งหมด สำหรับโครงการก่อสร้างแหล่งน้ำขนาดใหญ่ไว้หมดหมดมีไม่น้อยกว่า 60,000 ล้านบาท

การมาวันนี้เพื่อเร่งติดตามความคืบหน้าว่าส่วนใดที่จะเป็นปัญหา โครงการนี้เดินไม่ได้ ก็ให้ปรับแผนใหม่ เพื่อให้เกิดการก่อสร้างให้ได้ในเร็วๆนี้ ถ้าส่วนไหนไปโดนพื้นที่ป่าชุ่มน้ำนานาชาติ ก็ต้องปรับพื้นที่หลบไป ก็น่าจะเป็นแนวทางให้โครงการนี้สามารถเดินต่อไปได้ และขอให้ทุกฝ่ายเร่งดำเนินการโดยเร็ว รวมทั้งในส่วนที่จะมีพื้นที่ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูเขียว(ทุ่งกะมัง) มีพื้นที่ป่าถูกน้ำท่วมไปด้วย บางส่วนรวม 1,100 ไร่ ก็ต้องยอม ซึ่งในส่วนที่ตนดูแลกระทรวงนี้อยู่ก็ประสานพื้นที่เขตรักษาพันธุ์ที่ใน เบื้องต้นก็ยอมมอบพื้นที่ให้กรมชลประทานไปศึกษาแผนก่อสร้างต่อไปบางส่วนแล้ว ซึ่งหากโครงการนี้เสร็จเขื่อนจะมีความจุสูงกว่า 32 ล้าน ลบ.ม. และมีพื้นที่ถูกท่วมท่วมในโครงการเพียงประมาณ 1,131 ไร่ แต่จะช่วยแก้ปัญหาช่วงน้ำท่วม และภัยแล้ง ให้กับประชาชนในพื้นที่ในช่วงหน้าแล้งสูงกว่า 14,400 ไร่ ช่วงหน้าฝนได้กว่า 24,000 ไร่ซึ่งเรื่องนี้ทางรัฐบาลเร่งให้ดำเนินการโดยเร็วเพื่อที่จะส่งจ่ายเงินอุด หนุนก่อสร้างโครงการจากกองทุนเงินกู้ 3.3 แสนล้านบาท จากนี้ไปได้ทันท่วงทีต่อไป

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

พิมพ์&ภาพ updateโดย:พฤกษ์ ข่าวโดย:เนชั่น