พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุทรงติดตามความก้าวหน้าของโครงการมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่งภาฯ ยามยาก สภากาชาดไทยที่ได้ประทานความช่วยเหลือแก่เกษตรกรที่ประสบอุทกภัย

เมื่อวันที่ 28 มีนาคม 2557 เวลา 16.30 น. พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าโสมสวลี พระวรราชาทินัดดามาตุ เสด็จไปยังบ้านโนนเชือก อำเภอจตุรัส จังหวัดชัยภูมิ ทรงติดตามความก้าวหน้าของโครงการมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่ง ภาฯ ยามยาก สภากาชาดไทยตามที่ได้ประทานความช่วยเหลือแก่ราษฎร ซึ่งเป็นเกษตรกรที่ประสบอุทกภัย เมื่อปี 2556 และได้เริ่มโครงการเมื่อเดือนพฤศจิกายน 2556 โดยมูลนิธิอาสาเพื่อนพึ่งภาฯ ยามยากสภากาชาดไทย ได้ฝึกอบรมให้ความรู้เทคนิควิธีการทำนาดังกล่าวแก่เกษตรกรที่เป็นชาวนาพร้อม นำเมล็ดพันธุ์ข้าวมาแจกจ่ายแก่สมาชิกที่เข้าร่วมโครงการ พร้อมสาธิตการทำนาโดยใช้เครื่องปักดำของมูลนิธิฯ มีผู้เข้าร่วมโครงการฯ 10 คน พื้นที่ทำนา 50 ไร่ ใช้ข้าวพันธุ์กข.31 ปัจจุบันสามารถเก็บเกี่ยวได้แล้ว ในการนี้ ประทานพระวโรการให้ผู้มีจิตศรัทธาเฝ้า ถวายอุปกรณ์การหย่อนกล้าข้าวแบบประณีตเพื่อนพึ่ง ภาฯ ยามยาก สภากาชาดไทย พร้อมประทานเข็มที่ระลึกแก่ผู้ให้การสนับสนุนการดำเนินงาน            เสร็จแล้ว ทรงเยี่ยมราษฎรที่ไปเฝ้ารับเสด็จ ซึ่งเป็นราษฎรที่ประสบอุทกภัยในปีที่ผ่านมา น้ำท่วมบ้านเรือน และพื้นที่การเกษตรเสียหาย โดยประทานสิ่งของเครื่องใช้จำเป็นแก่คนชรา และผู้ด้อยโอกาส รวมทั้งของเล่นและขนมแก่เด็ก พร้อมกันนี้ทรงรับเด็กหญิงอายุ 1 ปี 9 เดือน เป็นโรคเด็กเผือก พัฒนาการช้า ผนังหัวใจรั่ว ไว้เป็นคนไข้ในพระอุปถัมภ์ เพื่อส่งต่อเข้ารับการตรวจวิฉัยและรับการรักษาต่อไป เนื่องจากพ่อแม่ฐานะยากจน มีบุตร 3 คน และประกอบอาชีพรับจ้างทั่วไป จากนั้น เสด็จไปยังแปลงนา บ้านโนนเชือก ทอดพระเนตรการสาธิตการทำนาแบบประณีตเพื่อนพึ่ง ภาฯ ยามยาก สภากาชาดไทย โดยใช้วิธีเพาะต้นกล้าในถาดหลุมพลาสติก แล้วนำไปหย่อนกล้าข้าวด้วยระบบกึ่งอัตโนมัติ  ใช้รถแทรกเตอร์ที่ได้พัฒนาขึ้นมาลากจูงถาดกล้าข้าวปลูกลงในแปลงนา สามารถใช้ปฏิบัติการได้ทุกสภาพพื้นที่ซึ่งวิธีนี้ช่วยให้กล้าข้าวเติบโตและ แตกกอเต็มที่ เนื่องจากมีระยะห่างระหว่างกอที่เหมาะสมขึ้นอยู่กับชนิดของพันธุ์ข้าว และแสงส่องได้ทั่วถึงลดการเกิดวัชพืช ดูแลง่าย ให้ผลผลิตสูงใช้เมล็ดพันธุ์ข้าวน้อยกว่านาหว่าน 3 - 5 เท่า ประหยัดเวลา แรงงาน และค่าใช้จ่าย

โอกาสนี้ ทรงเกี่ยวข้าวในแปลงนาสาธิตฯ เพื่อเป็นแบบอย่างและสร้างขวัญกำลังใจแก่เกษตรกร  ทั้งนี้ ด้วยทรงมีพระประสงค์ที่จะช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบอุทกภัย โดยเฉพาะชาวนา ให้ได้ผลผลิตข้าวที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้นกว่าวิธีการทำนาแบบดั้งเดิม อันจะนำไปสู่อาชีพที่มั่นคงอย่างยั่งยืน เป็นการแก้ปัญหาและพัฒนาอาชีพให้แก่เกษตรกร โดยมีทีมผู้จัดการทำนาแบบประณีตเพื่อนพึ่ง ภาฯ ที่ผ่านการฝึกฝน จำนวน 6 ทีมร่วมปฏิบัติงานกับเจ้าของที่นา และเป็นการปลูกข้าวแบบอินทรีย์ที่ไม่ใช้สารเคมี และยาฆ่าแมลง โดยได้รับความสนใจจากเกษตรกรประสงค์จะเข้าร่วมโครงการอีก ซึ่งจะต้องเข้ารับการฝึกอบรมวิธีการและขั้นตอนการปฏิบัติให้มีความรู้ความ ชำนาญ ทันฤดูกาลทำนาปีที่จะถึงนี้ จำนวน 50 คน ในพื้นที่ 250 ไร่